Edit Content
Click on the Edit Content button to edit/add the content.

ดูหนัง F1 The Movie (2025) – ซิ่งระห่ำสนามแข่ง เพื่อ redemption ครั้งสุดท้าย

รีวิวภาพยนตร์ F1 (2025) – ซิ่งระห่ำสนามแข่ง เพื่อ redemption ครั้งสุดท้าย

F1 หรือที่เรียกกันว่า F1: The Movie คือภาพยนตร์ดราม่ากีฬาฟอร์มยักษ์แห่งปี 2025 ที่พาผู้ชมดำดิ่งสู่โลกความเร็วและแรงกดดันของวงการ Formula 1 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย โจเซฟ โคซินสกี้ (Joseph Kosinski) ผู้สร้างชื่อจาก Top Gun: Maverick ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง และนำแสดงโดยซูเปอร์สตาร์เจ้าบทบาท แบรด พิตต์ (Brad Pitt) ร่วมกับ แดมสัน ไอดริส (Damson Idris), เคอร์รี่ คอนดอน (Kerry Condon), โทเบียส เมนซีส์ (Tobias Menzies), คิม บอดเนีย (Kim Bodnia), และ ฆาบิเอร์ บาร์เดม (Javier Bardem)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีความพิเศษตรงที่ถ่ายทำในระหว่างการแข่งขัน Grand Prix จริง ๆ ทำให้ได้ภาพและบรรยากาศที่สมจริงอย่างไม่เคยมีมาก่อน และยังได้ ลูอิส แฮมิลตัน (Lewis Hamilton) แชมป์โลก F1 เจ็ดสมัย มาเป็นโปรดิวเซอร์บริหารอีกด้วย

เรื่องย่อ:

เรื่องราวของ ซอนนี่ เฮย์ส (Sonny Hayes – Brad Pitt) อดีตนักแข่งรถ Formula 1 ผู้มีพรสวรรค์และเคยถูกขนานนามว่าเป็น “ยอดเยี่ยมที่สุดที่ไม่มีวันได้เป็นแชมป์” ในช่วงทศวรรษ 1990 อาชีพของเขาต้องจบลงอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุร้ายแรงบนสนามแข่งใน ปี 1993 หลังจากนั้น 30 ปี ซอนนี่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวเป็นนักแข่งรับจ้างเร่ร่อนไปตามสนามแข่งต่างๆ

ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปเมื่อ รูเบน เซร์บันเตส (Ruben Cervantes – Javier Bardem) อดีตเพื่อนร่วมทีมและเจ้าของทีม Formula 1 ที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักและใกล้จะล้มละลาย ติดต่อมาขอให้ซอนนี่กลับมาช่วยกอบกู้ทีม APXGP ซึ่งเป็นทีมรองบ่อนที่รั้งท้ายตารางคะแนน

ซอนนี่ตกลงที่จะกลับมาสู่ F1 อีกครั้งในฐานะพี่เลี้ยงและคู่หูของ โจชัว เพียร์ซ (Joshua Pearce – Damson Idris) รุกกี้หนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงของทีม แม้ว่าทั้งคู่จะมีสไตล์การขับขี่และมุมมองต่อการแข่งขันที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายเดียวกันคือการพาทีม APXGP ให้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

ในขณะที่เครื่องยนต์คำรามบนสนามแข่ง อดีตของซอนนี่ก็เริ่มตามมาหลอกหลอน และเขาพบว่าในโลกของ F1 คู่หูร่วมทีมคือคู่แข่งที่ดุเดือดที่สุด และเส้นทางสู่การไถ่ถอนความผิดนั้น ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเดินทางไปคนเดียวได้

สิ่งที่น่าสนใจใน F1: The Movie:

  • งานภาพและการถ่ายทำที่สมจริง: ด้วยการถ่ายทำในระหว่างการแข่งขัน Grand Prix จริง ๆ ทำให้ภาพยนตร์สามารถจับภาพความเร็ว ความตื่นเต้น และบรรยากาศของ F1 ได้อย่างสมจริงที่สุด ฉากการแข่งขันทำออกมาได้น่าทึ่งและชวนให้คนดูรู้สึกเหมือนอยู่บนสนามแข่งจริง ๆ

  • การกำกับของ Joseph Kosinski: โคซินสกี้ได้พิสูจน์ฝีมือแล้วจาก Top Gun: Maverick ว่าเขาสามารถกำกับฉากแอ็คชั่นบนเครื่องจักรความเร็วสูงได้อย่างยอดเยี่ยม และเขาก็นำความเชี่ยวชาญนั้นมาใช้กับ F1 ได้อย่างลงตัว

  • การแสดงของ Brad Pitt: แบรด พิตต์ ถ่ายทอดบทบาทของนักแข่งผู้มากประสบการณ์ที่กลับมาเพื่อ redemption ได้อย่างน่าเชื่อถือ เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความเหนื่อยล้า และความปรารถนาที่จะพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง

  • เคมีระหว่างนักแสดงนำ: ความสัมพันธ์ระหว่างซอนนี่ (แบรด พิตต์) และโจชัว (แดมสัน ไอดริส) เป็นหัวใจสำคัญของเรื่อง ทั้งคู่มีเคมีที่น่าสนใจ ทั้งในบทบาทของพี่เลี้ยง-ลูกศิษย์ และคู่แข่ง ทำให้เรื่องราวมีมิติทางอารมณ์มากขึ้น

  • การสนับสนุนจากวงการ F1: การที่ Formula 1 และ FIA ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ รวมถึงการมี Lewis Hamilton เป็นโปรดิวเซอร์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าเชื่อถือและดึงดูดแฟน F1 ได้อย่างดี

ข้อสังเกต:

  • ความสมจริงของกฎ F1 (สำหรับแฟนตัวยง): แม้จะพยายามสมจริง แต่ในบางส่วนของพล็อต โดยเฉพาะกลยุทธ์การแข่งของซอนนี่ อาจจะถูกมองว่าไม่สมจริงตามกฎ F1 ที่เข้มงวดของโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งอาจขัดใจแฟน F1 ตัวยงบางคน

  • บทสรุปที่อาจไม่แปลกใหม่นัก: สำหรับหนังแนวกีฬาที่เน้นการกลับมาเพื่อไถ่ถอนความผิด พล็อตเรื่องอาจจะไม่ได้พลิกโฉมวงการ แต่ความแข็งแกร่งอยู่ที่การนำเสนอและงานสร้างที่ยอดเยี่ยม

  • ระยะเวลาการฉาย: ภาพยนตร์มีระยะเวลาฉายค่อนข้างยาว (ประมาณ 155 นาที) ซึ่งอาจต้องใช้สมาธิในการรับชม

สรุป

F1 (2025) คือภาพยนตร์ที่แฟนๆ Formula 1 และผู้ที่ชื่นชอบหนังแอ็คชั่นดราม่ากีฬามันส์ๆ ไม่ควรพลาด ด้วยงานภาพที่ตระการตา การกำกับที่เหนือชั้นของโจเซฟ โคซินสกี้ และการแสดงอันทรงพลังของแบรด พิตต์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถพาคุณไปสัมผัสกับความตื่นเต้น ความกดดัน และดราม่าในโลกของมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างเต็มอิ่ม แม้จะมีบางจุดที่อาจไม่สมจริงตามหลัก F1 เป๊ะๆ แต่โดยรวมแล้วถือเป็นประสบการณ์การรับชมที่น่าประทับใจและคุ้มค่าอย่างยิ่ง

คะแนน: 8/10